แก้วใจ มะไลยเถา 4937695 TMTM/M
วท.ม. (อายุรศาสตร์เขตร้อน)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ : พงศ์ราม รามสูต , D,V.M., Ph.D .(Microbiology),
ธารีรัตน์ กะลัมพะเหติ , Ph.D.(Microbiology), สุวลีย์ วรคุณพิเศษ, Ph.D.(Tropical Medicine)
บทคัดย่อ
เนื่องด้วยมีการเพิ่มขึ้นของการแพร่กระจายเชื้อในอากาศของเชื้อวัณโรคและเชื้อไวรัสในอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ การใช้อุปกรณ์ในการกรองอากาศเป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อใช้ลดการติดเชื้อจากอากาศ อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศแบบใช้ไฟฟ้าเพื่อดักจับเชื้อวัณโรคและเชื้อไวรัสที่ปนเปื้อนในปริมาณอากาศน้อยมาก ในการศึกษาครั้งนี้จึงได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศแบบใช้ไฟฟ้าเพื้อดักจับเชื้อวัณโรคและเชื้อไวรัสที่ปนเปื้อนในอากาศ เปรียบเทียบกับเครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูง (high efficiency particulate air , HEPA) และเมื่อปราศจากเครื่องฟอกอากาศ การทดลองได้ทำในตู้จำลองแบบปิดที่ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศไว้ตรงกลาง ด้านหนึ่งของตู้จำลองใช้สำหรับพ่นเชื้อในรูปของละอองฝอย โดยพ่นเชื้อวัณโรคสายพันธุ์ H37Ra ในปริมาณ 5X108 เซลล์ และไวรัส T7 ในปริมาณ 5X108 pfu ส่วนอีกด้านหนึ่งใช้ impinger สำหรับเก็บตัวอย่างอากาศ หลังจากนั้นตรวจหาเชื้อวัณโรค และเชื้อไวรัสด้วยการใช้เทคนิคเพิ่มปริมาณดีเอ็นเอ โดยใช้ปฏิกิริยาลูกโซ่แบบ nested PCR แบบ PCR และวิธีเพาะเชื้อ ตามลำดับ การใช้เทคนิคเพิ่มปริมาณดีเอ็นเอโดยใช้ปฏิกิริยาลูกโซ่แบบ nested PCR และ PCR สามารถตรวจหาเชื้อวัณโรคได้น้อยที่สุดถึง10 fg และเชื้อไวรัส T7 ได้ 1pg ตามลำดับ แต่เนื่องจากปัญหาการใช้ PCR ไม่สามารถบอกปริมาณเชื้อได้ และเชื้อวัณโรคเติบโตช้า ดังนั้นเชื้อแบคทีเรีย S. aureus ปริมาณ105 cfu และ E. coli ปริมาณ104 cfu จึงถูกนำมาใช้แทนเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศ โดยเปรียบเทียบจากปริมาณเชื้อจากการเพาะเชื้อพบว่าเครื่องฟอกอากาศทั้งสองแบบมีประสิทธิภาพในการกรองเชื้อไวรัส T7 (อนุภาคขนาด 0.04 ไมครอน) เชื้อ S. aureus (อนุภาคขนาด 1 ไมครอน) และเชื้อ E. coil (อนุภาคขนาด 2 ไมครอน) มากกว่าร้อยละ99
อ่านเพิ่มเติม……
http://www.ncbi.nlm.nih.gov